19 กันยายน 2551






วิธีการดูแลสุนัข




การแปรงฟันให้สุนัขยาสีฟันที่จะใช้ในการแปรงฟันให้สุนัขควรจะเป็นยาสีฟันที่ผลิตขึ้นมาให้สัตว์เลี้ยงใช้โดยเฉพาะเพราะสามารถกลืนได้ค่ะ เราไม่ควรใช้ยาสีฟันของคนในการแปรงให้สุนัขเพราะว่ายาสีฟันของคนไม่ได้ผลิตเพื่อให้สามารถกลืนได้




1. เริ่มต้นเราควรที่จะให้สุนัขคุ้นเคยกับการที่มีสิ่งของแหย่เข้าไปในปากของเค้าเสียก่อน โดยการใช้นิ้วมือของเราจุ่มลงไปในน้ำซุบหรืออาหารเปียกของสุนัขก็ได้ เรียกสุนัขให้เข้ามาหาโดยให้เสียงที่ให้ความหมายว่าเรากำลังจะให้ขนมเค้าและปล่อยให้สุนัขเลียน้ำซุบหรืออาหารที่นิ้วมือหลังจากนั้นก็ให้ใช้นิ้วถูไปทั่วๆเหงือกและฟันของสุนัขเบาๆ...หลังจากฝึกขั้นตอนแรกนี้ไปสักระยะนึงสุนัขจะคุ้นเคยและเราสามารถเริ่มขั้นต่อไปได้

2. ใช้เศษผ้าก๊อตพันรอบๆนิ้วมือของเรา (เจ้าของจะจุ่มลงไปในน้ำซุปหรืออาหารแบบขั้นตอนที่ 1ก็ได้) ถูวนเป็นวงกลมไปที่ฟันของสุนัขอย่างเบาๆ ฝึกแบบนี้ซ้ำๆซักระยะนึงจนเมือสุนัขรู้สึกสบายและคุ้ยเคยกับการถูฟันแบบนี้ จำไว้ว่าอย่าลืมที่จะชมเชยสุนัขและควรทำการฝึกให้สนุกสนานรื่นเริงไม่น่าเบื่อ


3. หลังจากสุนัขคุ้ยเคยกับการแปรงฟันโดยผ้าก๊อต เราก็พร้อมที่จะเริ่มกับแปรงสีฟัน เราต้องให้สุนัขคุ้นเคยกันตัวแปรงสีฟัน โดยเฉพาะขนบนแปรงสีฟัน เพราะฉะนั้นเราควรเริ่มโดยการให้สุนัขเลียของที่มีรสชาติ เช่นอาหารเปียก หรือ ซุป บนแปรงสีฟันก่อน
4. เมื่อสุนัขคุ้นเคยกับแปรงสีฟันที่เราจะใช้ เราสามารถเพิ่มยาสีฟันลงไปใช้ได้แล้ว ยาสีฟันสำหรับสัตว์ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นและรสชาติของ ไก่ เป็น ตับ มอลท์ หรือ ฯลฯ ฉะนั้นสุนัขจะชอบรสชาติของยาสีฟัน เราต้องทำให้สุนัขคุ้นเคยกับรสชาติของยาสีฟันโดยการให้สุนัขเลียยาสีฝันบางส่วนจากนิ้วมือของเรา จากนั้นถูนิ้วที่มียาสีฝันไปทั่วๆเหงือกของสุนัขเบาๆ และอย่าลืมชมเชยสุนัขด้วย

5. เมือน้องหมาคุ้นเคยกับแปรงสีฟันและยาสีฟัน เริ่มแรกเราอาจจะแปรงแค่เขี้ยวเด้านบนเขี้ยวดียวหรือทั้งสองเขี้ยวด้านบนของสุนัข เพราะว่านี้เป็นฟันที่ง่ายที่สุดที่จะแปรงจะไปถึงและง่ายต่อการฝึกแปรง ตามข้างต้นเมื่อน้องหมายอมที่จะให้แปรงฟันหลายๆซี่ ให้เราเพิ่มจำนวนฟันในการแปรงอย่างช้าๆ ให้เราพยายามทำเหมือนว่านี้เป็นเกมส์ที่ทั้งคนและสุนัขสนุกไป

อุปกรณ์ และ การแปรงขนให้น้อง Pomeranianอุปกรณ์การแปรงขน

แปรงไม่มีหมุด (Pin Brush)...ทำจากโลหะ แปรงที่ดีควรเป็นสเตนเลส ซึ่งไม่ทำให้ขนเป็นไฟฟ้าสถิตเวลาแปรงและไม่เป็นสนิม พื้นแปรงควรเป็นยางนุ่มยืดหยุ่นได้เวลาแปรงเพื่อไม่ให้น้องปอมเจ็บ ปลายเข็มมนแต่ไม่หุ้มหรือเคลือบพลาสติกที่จะทำให้ขนขาดได้ แปรงไม่มีหมุดนี้จะไม่ดึงขนชั้นในดังนั้นจึงแปรงได้ทุกวันเพื่อป้องกันขนพันกัน2. หวี (Steel Comb)... หวีเหล็กที่มีสองความถี่ในด้ามเดียวกันไม่ว่าจะเป็นแบบสองด้านหรือด้านเดียวนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ในการตรวจหาขนพันกันและใช้แก้สังกะตัง ซึ่งแปรงชนิดอื่นๆนั้นไม่สามารถทำได้
แปรงสลิคเกอร์ (Slicker Brush)...แปรงชนิดนี้มีขนเป็นลวดอ่อนวางถี่ๆบนหน้าแปรงใช้แปรงขนชั้นใน โดยควรใช้แปรงบริเวณที่ขนพันกันได้ง่ายเช่น หลังใบหู ซอ
กขา และ รักแร้ เป็นต้นเพื่อช่วยแก้ขนพันกันในระยะต้นๆและเป็นการป้องกันสังกะตังไปในตัว4. มีดสางขน (Dematting Tools)... ในกรณีที่น้องปอมขนพันกันแบบเกินจะเยียวยาด้วยแปรงหรือหวีไปแล้วนั้น การมีมีดสางขนไม่ว่าจะเป็นแบบคราด(สีเขียว) หรือ แบบเคียว(สีขาว) จะช่วยแก้ขนพันกันให้คุณได้โดยไม่ต้องตัดออกทั้งกระจุกจนแหว่ง แต่ขนจะดูบางลงและสั้นลงเล็กน้อยเท่านั้น
แป้งเด็ก หรือ แป้งฝุ่น (Talcum Powder or Baby Powder)...สำหรับใช้โรยบนขนเพื่อไล่ความชื้นและน้ำมันที่ทำให้ขนลีบไม่ฟูออกมา6. สเปรย์บำรุงขน (Leave-In Conditioner)... ในบางครั้งขนสุนัขแห้งมากๆนั้นคุณควรใช้สเปรย์บำรุงขนที่มีส่วนผสมของครีมนวดที่ช่วยให้ขนชุ่มชื่นและลื่นขึ้นก่อนจะเริ่มแปรง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ขนขาดและช่วยให้หวีหรือแปรงง่ายขึ้น และยังให้น้องปออมมีกลิ่นหอมอีกด้วย
วิธีการแปรงขนน้องปอมการแปรงควรจะแปรงตามลำดับดังนี้ค่ะ1. ขนใต้ท้อง... ให้น้องปอมนอนหงายบนตักของคุณ (น้องปอมส่วนใหญ่จะไม่ชิน เพราะฉะนั้นควรจะเริ่มทำตั้งแต่เค้ายังเด็ก โดยพูดกับเค้าดีๆหรือมีขนมให้เป็นรางวัลบ้างจะช่วยให้เค้ารู้สึกดีกับการแปรงขนในท่าต่างๆและจะชินไปเองในที่สุด) เริ่มแปรงที่หน้าท้องขึ้นไปจนถึงขาหน้า โดยแบ่งขนเป็นชั้นๆจากโคนถึงปลาย ด้วยแปรงไม่มีหมุด จากนั้นแปรงตามซอกขาหน้า หลัง และรักแร้อย่างละเอียดเพื่อไม่ให้ขนพันกัน
ขนตามลำตัว... แบ่งขนน้องปอมที่กลางหลังให้ออกเป็นสองส่วน แปรงขนด้วยแปรงไม่มีหมุดจากโคนถึงปลายเป็นชั้นๆ ข้างใดข้างหนึ่งให้เสร็จก่อนจึงแปรงอีกข้าง3. ขนต้นคอและหลังใบหู... ควรแปรงขนส่วนนี้อย่างละเอียดที่สุดเนื่องจากเป็นบริเวณที่ขนสามารถพันกันได้ง่ายมาก โดยใช้ปลายแปรงไม่มีหมุดเขี่ยขนชั้นในและนอกออกให้ตั้งขึ้นเป็นชั้นๆ และใช้แปรงสลิคเกอร์แปรงขนข้างหูเพื่อป้องกันขนพันกัน4. ขนหน้าอก... ใช้แปรงไม่มีหมุดแปรงทวนทิศทางที่ขนขึ้นที่ละชั้น5. ขนหาง... ใช้หวีเหล็กหวีขนหางทั้งด้านนอกและใน แล้ววางหางพาดบนกลางหลังของน้องปอม
6. ขนส่วนก้น และ สะโพก... ใช้แปรงไม่มีหมุดแปรงขนทีละชั้น โดยแปรงขนานกับส่วนก้นและส่วนสะโพก7. เมื่อแปรงขนตามส่วนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ใช้หวีเหล็กหวีให้ทั่วลำตัวเพื่อตรวจดูว่ายังมีขนพันกันอีกหรือไม่ หากพบขนพันกันให้ค่อยๆแปรงแก้ขนพันกันอย่างเบาๆทีละน้อย จะใช้สเปรย์แก้ขนพันกันที่ช่วยให้ขนลื่นและแก้ง่ายขึ้นช่วยก็ได้เพื่อที่น้องปอมของคุณจะได้ไม่เจ็บ จากนั้นให้ปอมของคุณยืนขึ้นแล้วแปรงให้เข้าทรงโดยแปรงไปด้านหน้าเริ่มจากส่วนหัวไหล่ไปจนถึงโคนหางเท่านี้น้องปอมก็จะมีขนที่สวย ฟู น่ากอดน่าหอม
เทคนิคการป้อนยาเม็ดสุนัขแบบง่ายๆในการให้ยาเม็ด (Pill) ทางปากแก่สุนัข เมื่อสุนัขอ้าปากให้วางยาที่โคลนลิ้น สุนัขจะกลืนยาเม็ดลงคอไปได้ ถ้าวางยาเม็ดที่ปลายลิ้นหรือบริเวณอื่นในปาก สุนัขจะสามารถขย้อนยาเม็ดนั้นออกมาและคายทิ้งไป ทำให้เสียยาไป ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือจะต้องจับยาเม็ดเข้าไปในปากต้องมีโอกาสสัมผัส กับน้ำลายสุนัขภายในปากซึ่งมีโรคติดต่อบางอย่างผ่านมาในน้ำลายสุนัขและติดถึงคนได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ฉะนั้นการที่จะป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้นต้องทราบประวัติสุนัขตัวนั้นอย่างแน่นอนว่า ไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ทางที่ดีควรป้อนยาเม็ดโดยใช้เครื่องมือ เช่น Balling Gun หรือปากคีบเป็นต้น ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้มือคนป้อนสุนัขจะไม่สัมผัสน้ำลายสุนัขเลยวิธีการป้อนยาเม็ดด้วยมือ ในการป้อนยาเม็ดด้วยมือนั้น อาจใช้มือไหนจับหัวสุนัขก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัด สมมุติว่าใช้มือขวาเป็นมือที่ใช้จับหัวสุนัข โดยใช้ฝ่ามือคว่ำและคร่อมสันจมูกบริเวณ Interdental Space ให้สันจมูกอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 ท่อน แขนของมือขวาวางทาบไปบนหน้าผากของสุนัขซึ่งท่อนแขนนี้จะช่วยยกให้หัวสุนัขแหงนขึ้นด้วย แต่ทั่ว ๆ ไป สุนัขไม่ยอมอ้าปาก ต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 กดริมฝีปากให้แรงพอที่จะให้ริมฝีปากนั้น กดกับเหงือกและฟันทำให้สุนัขยอมอ้าปากได้ บางรายแทนที่จะใช้ฝ่ามือคร่อมขากรรไกรกลับมาจับที่ขากรรไกรล่างแทนก็ได้ เมื่อสุนัขอ้าปากแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือซ้ายคีบยาเม็ดค่อย ๆ ไปวางที่โคนลิ้นสุนัข รีบชักมือออกพร้อมกับหุบปากสุนัขทันที พยายามอย่าให้สุนัขอ้าปาก เพราะว่าจะขย้อนยาเม็ดดังกล่าวออกมา สังเกตดูว่าสุนัขกลืนยาหรือไม่โดยดูที่คอสุนัข ไม่ควรใช้มือไปขยำหรือนวดที่คอเพื่อช่วยให้กลืนยาเม็ด เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรและยังอาจทำให้สุนัขไม่สามารถกลืนยาได้บางครั้งการให้ยาเม็ดไม่จำเป็นต้องป้อน ในกรณีนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่นำยาเม็ดนั้นแทรกลงไปในก้อนเนื้อกล้วย หรือฮอทด็อกหรืออาหารที่สุนัขชอบกินและโปรดปรานนำมาสอดไส้ใส่ยาเข้าไปแล้ววางให้สุนัขกินก็ได้ แต่สุนัขบางตัวมีความฉลาดและรู้ทัน จะไม่ยอมกินซึ่งจำเป็นต้องป้อน อาจจะด้วยมือ หรือใช้เครื่องมือป้อนยาเม็ดนั้นช่วยในการป้อนยาเม็ดนั้นถ้ามือไปสัมผัสกับน้ำลายสุนัข หลังจากเสร็จแล้ว ควรล้างมือทันทีเพื่อรักษาความสะอาด
การจับบังคับสุนัขเพื่อให้กินยาประเภทน้ำ ในการป้อนยาประเภทน้ำนั้นค่อนข้างจะง่ายกว่า การป้อนยาประเภทเม็ดเพราะว่าไม่จำเป็นต้องอ้าปากสุนัขแต่อย่างใด สามารถป้อนได้ในขณะที่สุนัขยังถูกผูกปากอยู่ได้ โดยอาศัยหลักทางกายภาพที่ว่า มุมฝีปากด้านข้างสุนัขนั้น มีความยืดหยุ่นได้ ใช้มือหนึ่งจับที่ปลายปากโดยรอบทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบนไว้อีกมือหนึ่งแยกริมฝีปากล่างและดึงมุมปากออกมา ก็จะเกิดเป็นลักษณะกระพุ้งหรือถุง ของแก้มสามารถที่จะใช้ช้อน กระบอกฉีดยาหรือใช้เครื่องใส่ยาน้ำ สำหรับป้อนฉีดเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ขณะเดียวกันก็พยายามยกหน้าสุนัขให้เชิดขึ้นเล็กน้อยข้อสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ใส่ยาสำหรับป้อนนั้นไม่ควรทำด้วยวัสดุประเภทแก้วหรือสิ่งที่แตกง่าย เพราะว่าสุนัขอาจจะกัดหรือดิ้นและหล่นแตก อาจจะบาดปากสุนัขหรือมือผู้ป้อนได้ เครื่องมือเฉพาะสำหรับป้อนยาน้ำเรียกว่า"Drenchong Spoon" จึงจะปลอดภัยทั้งตัวท่านและสัตว์เลี้ยง

การเล็มขนที่ก้นปอมเปอเรเนียน ใช้กรรไกรปลายคมแนบติดเนื้อบริเวณก้นน้องปอมอย่างระมัดระวัง สำหรับมือใหม่ให้ฝึกให้ห่างจากเนื้อบริเวณก้นก่อน พอทำหลายครั้งจะเกิดความชำนาญค่ะ ไม่ต่างจากก้นน้องยอร์ค ควรฝึกสุนัขให้ยืนนิ่งด้วยน่ะค่ะ ไม่งั้นจะกรรไกรจะบาดบริเวณเนื้อได้ค่ะ ถ้าสุนัขเจ็บเขาจะจำ และจะฝังใจในการที่เขาเคยเจ็บมาแล้ว แต่ไม่เป็นการยากเลย ค่อยๆ เล็มจนเห็นเนื้อรูทวาร เล็มให้เกลี้ยง จะเห็นคราบอุจจาระที่เป็นคราบติดที่รูปทวารชัดขึ้นกว่าเก่า เพราะขนที่ปกปิดไว้ จึงทำให้เจ้าของไม่ได้สังเกตใช้กรรไกรฟันปลา ตัดแต่งขนบริเวณโคนหางด้านข้างให้เรียบร้อยเสร็จแล้วจะเห็นว่าก่อนและหลังจากการเล็มขนที่ก้น แตกต่างกันมาก ก้นน้องปอมก็สะอาด คราบอุจจาระก็หมดไป
วิธีเช็ดหูสุนัขหูน้องหมาจากเป็นรูปตัวแอลในภาษาปะกิต ดังนั้นเมื่อเราแหย่ไม้ลงไปสุดแค่ไหน ก็แค่นั้นพอครับ อย่าฝืนทะลุทะลวงลงไป อันตรายมาก ๆวิธีเช็ดหูน้องหมา1. ปลิ้นหูน้องหมาให้รูหูเปิดโล่ง2. ใช้คอตต้อลบัดที่เช็ดหู ( ฉีกเป็น 2 - 4 ชิ้น ตามแนวผ้า ) ฉีกพันกับปากคีบที่แถมมาด้วย แล้วเช็ดในรูหู ข้อควรจำ ผ้าที่เช็ดหูแต่ละชิ้น ใช้กับหูข้างเดียว เปลี่ยนหูก็เปลี่ยนชิ้น เพราะถ้ามีเชื้อโรคจะได้ไม่ติดไปอีกข้างนึง 3. แหย่คอตต้อลบัดลงไปสุดเมื่อติดผนังหูแล้วก็หมุน ควานนิดหน่อย ให้พอสะอาด เอาออกมาดุ ถ้าสกปรกมาก ก็เปลี่ยนผ้าชิ้นใหม่ทำความสะอาดซ้ำ ( สองครั้งก็พอครับมากกว่านี้น้องจะเจ็บ ไว้วันหลังทำอีกก็ได้ 2 - 3 วัน ) 4. เอาผ้าเช็กใบหูให้สะอาด ( เปลี่ยนผ้าชิ้นใหม่ด้วยครับ )ปกติผมใช้ผ้าสองชิ้น ชิ้นแรก ฉีกแบ่ง 4 เช็ดรูหู ข้างละสองชิ้นเล็ก ชิ้นที่สอง ฉีดแบ่งสอง ใช้เช็ดใบหู กระป๋องนึง 60 แผ่น เช็ดได้ 30 ครั้ง
วิธีวัดอุณหภูมิของสุนัขสุนัขที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วย อุณหภูมิของร่างกายจะอยู่ระหว่าง 38.1-39.2 องศาเซลเซียส หรือ 100.5 -102.5 องศาฟาเรนไฮด์ ความตื่นเต้นและออกกำลังกายจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ในทำนองเดียวกันกับเมื่อเกิดการติดเชื้อหรือได้รับความร้อนมากเกินไป อุณหภูมิที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปรกติมักจะเกิดจากสุนัขซึ่งอยู่ในที่ที่มีอากาศหนาว หรือเมื่อสุนัขเกิดอาการช็อก ลองบันทึกอุณหภูมิของร่างกายในขณะที่สุนัขกำลังพักผ่อนวิธีวัดอุณหภูมิของสุนัข1. ถ้าใช้เทอร์โมมิเตอร์ชนิดที่ทำด้วยแก้ว ให้สลัดเทอร์โมมิเตอร์จนปรอทลงไปต่ำสุด ทำให้ปลายเทอร์โมมิเตอร์ลื่น โดยทาด้วยครีมเควาย เยลลี่ ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วไป เสียบเทอร์โมมิเตอร์ โดยค่อย ๆ หมุนเข้าไปในทวารหนักให้ลึก ราว 2.5 ซม.2. จับหางและเทอร์โมมิเตอร์ ให้อยู่กับที่ นานราว 90 วินาที แล้วจึงดึงเทอร์โมมิเตอร์ออก เช็ดเทอร์โมมิเตอร์ให้สะอาด แล้วอ่านอุณหภูมิที่วัดได้ ให้ทำความสะอาดโดยการฆ่า เชื้อหลังการวัดอุณหภูมิทุกครั้งหมายเหตุ อย่าพยายามวัดอุณหภูมิของสุนัขทางปาก ถ้าสุนัขไม่ยอมให้วัดโดยแสดงอาการต่อต้านอย่างรุนแรง

18 กันยายน 2551

ฉลากอาหารสำคัญอย่างไร ??

เกริ่นนำ อาหารสุนัข ที่เราให้เขากินตอนนี้ ส่วนใหญ่เพื่อนๆ จะให้อาหารสำเร็จรุปแบบแห้ง (อาหารเม็ด)
ซึ่งสะดวกต่อ การเตรียมอาหาร เพียงแค่เทลงชาม แล้วนำไปเสริฟให้เจ้าตัวน้อย แต่ว่า มันมีอะไร
ที่มากกว่านั้นนะครับ วันนี้เลยเอาความรู้ที่ได้ไปศึกษามา มาแชร์ให้ฟังกัน

ว่าด้วยอาหารสุนัขสำเร็จรูป

อาหารสุนัขมีทั้งเเบบเปียก และ แบบแห้ง แต่ตอนนี้ผมจะพูดถึงแบบแห้งก่อนนะครับ
อาหารสุนัขนั้น ส่วนใหญ่ คนซื้อไม่ได้กิน คนที่กินไม่ได้ซื้อ ดังนั้น เราซึ่งเป็นคนออกเงิน
ควรจะรู้เรื่อง สลากอาหาร ไว้ก่อนเหนือสิ่งอื่นใดครับ

สลากอาหาร ที่ติดมาข้างถุงอาหารนั้น ส่วนใหญ่ เราจะดูกันแค่ % ของโปรตีน ซึ่งเขาจะ
เขียนว่า ''ไม่น้อยกว่า'' แล้วตามด้วยตัวเลขกับเครื่องหมาย % หากมีตัวเลขจำนวนมาก จะ
ถือว่าดี ตรงนี้ผมขอบอกว่า ไม่จำเป็นเสมอไป นะ

อาหารใน สัดส่วน ที่เหมาะสม สำหรับสุนัข คือ อาหารที่มีส่วนผสมของ โปรตีน คาโบไฮเดรต
และ ไขมัน ในสัดส่วน ที่เหมาะสมจริงๆ เท่านั้น ถึงจะแสดง ประสิทธิภาพออกมาได้ แต่หากว่า
เปอเซ็นโปรตีนมากเกินไป จะทำให้เปอเซ็นของส่วนอื่นน้อยลง คราวนี้ซวยเลยครับ อาจเป็น
โรคขาดอาหารได้ เพราะ
ความสำคัญของอาหารสำหรับสุนัขนั้น แป้ง(คาโบไฮเดรต) มาเป็น
อันดับ 1 ครับ เพราะใช้แรงในการดำเนินชีวิต ส่วนโปรตีนนั้น ใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อ


ถ้าสุนัขของเรา กินแป้งน้อย ก็จะทำให้ ต้องเอาโปรตีนที่กินเข้าไป ไปใช้ในการดำเนินชีวิต
ผลก็คือ ทำให้ร่างกายไม่โตเต็มที่ หรือ โตช้า....

ความอยากอาหาร

เป็นหัวข้อที่สำคัญ และ คนเลี้ยงสุนัขหลายๆ คน มีปัญหาเรื่องนี้บ่อยมากๆ ครับ
ส่วนใหญ่ ก็คือ สุนัขไม่กินอาหาร เบื่ออาหาร เลือกกิน หากได้อ่านสิ่งที่ผมเขียนนี้ ก็น่าจะทำให้
พอจะช่วยเพื่อนๆ ได้ครับ

ก่อนอื่น..... ขอให้ทำความเข้าใจ '' หลักการ '' ก่อนนะครับ

ความอยากอาหารของสุนัข เกิดจาก

1 กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน (ออกกำลังกาย หรือ เล่น)
2 เวลาการให้อาหาร
3 กลิ่นของอาหาร
4 เนื้อ หรือ Texture ของอาหาร
5 ขนาดของอาหาร


ส่วนใหญ่แล้ว เพื่อนๆ จะมีความรู้ในข้อ 3 - 5 ผมจะไม่ขอพูดถึงนะครับ เด๋วจะกลายเป็น
ยืดยาวไป เอาเป็นว่า จะพูดเน้นเรื่องในหัวข้อ 1 และ 2 ครับ

อธิบายข้อ 1
กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ของสุนัข จะทำให้เกิดการเผาผลาญ หรือ สันดาป อาหาร
ในร่างกายของเขา ทำให้สิ่งที่กินเข้าไป ได้ใช้ออกมา ดังนั้น หากไม่เล่น ไม่วิ่ง ก้ไม่
อยากกินข้าว เป็นเรื่องปกติครับ

การออกกำลังกาย จะมีผลดี ทำให้ การทำงานของกระเพาะ และ ลำไส้ เป็นไปอย่าง
ปกติ เขาจะท้องไม่อืด ไม่เฟ้อ ที่เพื่อนๆ ว่าเขาชอบ '' ตด '' นั้น อาจเป็นเพราะเหตุนี้
ก็ได้ครับ ส่วนเจ้าเรียวของผม ตดน้อยมั่กๆ วิ่งแล้วดี ก็เลยบอกต่อๆ และอยากไห้
เพื่อนๆ ได้ทำ จะได้มีน้องหมาแข็งแรงๆ ครับ

อธิบายข้อ 2
อันนี้ก็สำคัญสุดๆ เลยครับ ความตรงต่อเวลาของเรา มันจะมีผลดีกับสุนัขของเรา
จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ร่างกายของสุนัขที่ถูกให้อาหารตามเวลา
จะมีปริมาณน้ำย่อย ออกมามาก ในเวลาที่เคยได้กิน ครับ
แต่ข้อเสียคือ หากเขาไม่ได้กิน ณ เวลานั้นๆ เขาก็จะไม่กิน และ สับสน จากเวลา
ในการกิน (เป็นเฉพาะสุนัข) และ จะทำให้เกิดการ ตะกละ หรือ เลือกกิน ได้ในเวลา
ต่อมา


ว่าด้วยคำว่า BY PRODUCT ในอาหาร
รูปหมาของน้องคนนึง เห็นมันน่าร๊ากดี เลยเอามาใส่ให้ดูชุ่มฉ่ำหัวใจ
ในอาหารเม็ดสำหรับสุนัขทุกๆ ชนิด จะมีส่วนผสมของอาหารอยู่ใน
ปริมาณสารอาหารที่ต่างๆ อัตรากันไป แต่มันมีบางอย่างแฝงอยู่ครับ

เช่น ที่เขาเขียนว่า แคลเซียม ที่จริงแล้วสุนัขต้องได้รับ แคลเซียมคาโบเนต
มันจะดีที่สุดสำหรับเอาไปใช้เสริมสร้างกระดูก และ ฟัน แต่ทว่า แคลเซียม
ตัวนี้ จะต้องได้รับควบคู่กับ วิตะมินบี ด้วย ถึงจะนำไปใช้เสริมสร้างได้
หากมีแต่แคลเซียม แต่ไม่มีวิตะมินบี ก็คงถ่ายเป็นกากออกมาเท่านั้น

นอกเรื่องไปนิด ว่ากันต่อไป แคลเซียมในอาหารสุนัขที่ดี จะต้องเป็นแคลเซียม
ล้วนๆ ครับ ไม่มีสิ่งเจือปน หรือที่เราเรียกว่า BY PRODUCT
ตามความคิดของผม อาหารเม็ดบางชนิด อาจมีการป่นกระดูก เล็บ มาในอาหาร
เพื่อให้ปริมาณของสารอาหาร(คิดเป็นเปอเซ็น) ดูสูงกว่าความเป็นจริงที่สุนัขจะได้รับ!!

คราวนี้ คนที่ซื้อไปให้สุนัขกิน ก็แย่สิครับ แทนที่จะได้ครบๆ ตามสลากอาหาร
ก็โดนหลอก ดังนั้น เราจึงเห็นว่า มันมีคำว่า ไม่น้อยกว่า ไม่สูงกว่า ในสลากอาหาร
แต่ก้ไม่ใช่เหตุผลนี้อย่างเดียวหรอกครับ ที่ทำให้ไม่สามารถระบุไปเป๊ะๆ ได้
อาหารที่เพิ่งผลิต จะมีส่วนผสมที่สุงกว่า อาหารที่ผลิตมาระยะเวลาหนึ่ง และ ผ่านการ
ขนส่งมาแล้ว คุณค่าอาหารมันจะหมดไปจากอุณหภูมิในการขนส่ง ความชื้น อะไรทำนองนี้

ผลของ BY PRODUCT กับ PUG

ครับ ไอ้ที่หมาพวกเราเป็นกัน ก็คือ HOT SPOT ที่มันเป็นตุ่มชมพูแดงๆ นูนๆ
วันดีคืนดี มันก็โผล่มาทักทาย กลางกะบาลหมาของเรา รอบคอ ตรงพุง ตรงก้น
สารพัดจะเลือกโผล่


ส่วนใหญ่ อาการฮ็อทสปอท นั้น จะเกิดจากอาหารที่กินเข้าไปครับ สาเหตุมีดังนี้
1 กินอาหารที่มี BY PRODUCT
2 กินอาหารยี่ห้อเดิมๆ มานานเกินไป จนร่างกายรองรับไม่ไหวเลยออกอาการ
3 กินอาหารไปแล้ว ไม่ได้เอาไปใช้ (วิ่งเล่น ออกกำลังกาย)


ดังนั้น อาหารที่มียี่ห้อดังๆ บางล็อต ก็อาจจะทำให้หมาของเราป่วยได้
เราจึงต้องไม่ดูแค่สลากของอาหาร แต่เราจะดูไปถึง โรงงานที่ผลิต
วันที่ผลิต สภาพแพคเกจ เนื้ออาหารและกลิ่น

ที่สำคัญ ดูว่า อาหารชนิดนั้น ได้รับการรับรองถูกต้อง จาก สคบ หรือ
กรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารสัตว์ และมี เบอร์โทร สำหรับสอบถามไปยัง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ต่อ ลูกค้า ครับ


ที่มา http://www.thaidogcenter.com





แนวทางการเลี้ยงสุนัขเพื่ออาชีพ


หมา เป็นสัตว์เลี้ยงที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของคนเรามาช้านาน เราให้ความรัก ความเมตตา เอื้ออาทรกับมันมามาก หมาก็ตอบแทนบุญคุณของเจ้าของด้วยความจงรักภักดี ประจบประแจง และบ่อยครั้งที่หมาตอบแทนบุญคุณด้วยการปกป้องหรือทดแทนด้วยชีวิต และที่สำคัญสิ่งเหล่านี้หมาทำไปโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เรียกว่าทำไปโดยสัญชาตญาณ ทำโดยไม่มีเงื่อนไขแม้จะต้องตาย ซึ่งเชื่อว่ามันตายตาหลับที่ได้ช่วยให้เจ้าของพ้นภัยหมามีหลายชนิด ผู้เกี่ยวข้องได้แบ่งประเภทของหมาออกตามลักษณะการใช้งาน และตามความถนัดของหมา เช่น หมาใช้งาน หมาใช้ในการกีฬา หมาใช้ในการล่าสัตว์ หมาเลี้ยงเล่น และหมาประเภทอื่นๆ ซึ่งผู้ที่สนใจจำเป็นต้องศึกษาเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ หรือให้ได้หมาตามที่ตนประสงค์ไปเลี้ยง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยเหตุผลดังกล่าว การผสมพันธุ์หมาเพื่อให้ได้หมาที่ดีที่สุดตามความต้องการจึงเกิดขึ้น กลายเป็น "ธุรกิจ" ที่คนรักหมาเดินทางเข้าสู่วงการอย่างต่อเนื่องการขายสุนัขสามารถทำเป็นทั้งอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักก็ได้ ทั้งนี้ ขอให้มีความรู้เรื่องหมาในระดับหนึ่ง เช่น วิธีเลี้ยง การให้อาหาร การผสมพันธุ์ การออกกำลังกาย และสิ่งสำคัญสูงสุดที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ก็คือ "การตลาด"การตลาดในวงการหมา ไม่ใช่แค่การขายหมา แต่การตลาดของหมานั้นหมายรวมถึง วิธีการขาย วิธีการเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์เชิงพาณิชย์ การตั้งราคา ซึ่งปัจจุบันการขายหมาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปยังต่างจังหวัด มีการซื้อขายภายในฟาร์มหรือในคอก หรือแม้แต่ในโลกอินเตอร์เน็ตและตลาดก็มิได้อยู่เพียงภายในประเทศ แต่ยังขยายวงออกไปไกลถึงต่างประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่ในเอเชียของเราเอง ปัจจุบันมีพ่อค้าหมาชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาหาซื้อหมาสวยๆ ในบ้านเราแทบจะเหยียบกันตาย ซึ่งมีทั้งพ่อค้าสัญชาติจีน และสัญชาติยุโรป กระจายเจรจาซื้อขายทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด เช่น ในจังหวัดขอนแก่นบ้านผมก็ไม่น้อยหน้าดังนั้น การขายหมาในทุกวันนี้ถ้าผู้เลี้ยงสามารถเจรจาซื้อขายด้วยภาษาต่างประเทศได้ ก็จะได้เปรียบผู้ค้ารายอื่น อย่างภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ซึ่งธุรกิจการขายหมาทุกวันนี้ไม่มีวันธรรมดาหรือวันหยุด แต่ดำเนินไปด้วยตัวของมันเองในทุกวัน ดังนั้น การติดต่อทางโทรศัพท์หรือแม้แต่ทางอินเตอร์เน็ต นับว่าจำเป็นอย่างมากที่ต้องอาศัยภาษาต่างประเทศในการติดต่อสื่อสารก็สำคัญ การเลือกสื่อในการลงโฆษณาขายหมา หรือประชาสัมพันธ์หมาและคอกหมาของท่านก็ต้องเลือกให้ดี เนื่องจากปัจจุบันมีสื่อที่เป็นนิตยสารอยู่หลายฉบับ ท่านจะต้องพิจารณาว่านิตยสารฉบับไหนที่ให้ผลตอบแทนในการลงโฆษณาของท่านได้มากที่สุด นิตยสารบางฉบับมิได้มุ่งเน้นเรื่องการลงโฆษณา แต่เปิดโอกาสเพื่อการประชาสัมพันธ์เป็นความรู้ก็อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งนอกจากนี้ ท่านจะต้องมีความรู้เรื่องอินเตอร์เน็ตด้วย ควรสามารถโพสข้อความและภาพถ่ายของหมาที่ท่านจะขายลงในตลาดซื้อขายที่มีบริการฟรีได้ ช่องทางนี้ก็ควรเลือกเช่นกัน อย่างมองข้ามบอร์ดที่มีผู้นิยมเข้าไปดูกันมากๆ เด็ดขาด โดยเฉพาะในหมวดสัตว์เลี้ยง ซึ่งถ้าจะให้ดีต้องจัดไว้เป็นการเฉพาะหมาด้วย ซึ่งรายละเอียดที่ระบุต้องชัดเจน ทั้งเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ และอี-เมลการตรวจสอบอี-เมลนั้นก็สำคัญ เพราะอาจจะทำให้พลาดโอกาสในการขายหมาได้เช่นกัน เนื่องจากถ้าท่านประกาศทางอินเตอร์เน็ตและมีการติดต่อมาทางอี-เมล อาจจะมีอี-เมลขยะเข้ามารวมอยู่ด้วย ท่านจะต้องดูอย่างละเอียดและแยกให้ถูกต้องว่าอันไหนเป็นขยะ และอันไหนเป็นธุรกิจของท่านนอกจากนี้ การตลาดของการขายหมายังต้องมีความรู้เรื่องการตั้งราคาขาย โปรดอย่าให้ความสำคัญกับคติที่ว่า "ของถูกไม่ดี ของดีต้องแพง" หมาที่ท่านจะขายเป็นหมาที่ท่านผสมมันขึ้นมาเอง เป็นหมาตัวเดียวในโลกที่ท่านคิดว่าดีที่สุด ดังนั้น ถ้าจะขายต้องได้ราคาที่ท่านพอใจที่สุด และขายให้กับผู้ที่ต้องการนำไปเลี้ยงเท่านั้น ถ้าคิดได้ดังนี้ท่านก็จะกล้าที่จะตั้งราคา ขอเพียงมีความมั่นใจในหมาของตนเอง แต่ไม่ใช่เข้าข้างตนเอง และไม่หลอกขาย หากมั่นใจแล้วท่านก็จะกล้าบอกราคาและจงอย่าคิดว่าแพงไปหรือถูกไป เนื่องจากไม่สามารถหาราคากลางที่ไหนมาเปรียบเทียบได้ เนื่องจากการค้าขายหมาย่อมมีข้อแตกต่าง แม้ว่าจะเป็นหมาพันธุ์เดียวกัน อายุเท่ากัน เพศเดียวกัน อย่าไปหลงกลว่าหมาทุกตัวต้องเหมือนกันทั้งหมด ผมขอยืนยันนั่งยันนอนยันว่าไม่เหมือนครับ ลูกหมาทุกตัวก่อนผสมออกมาต้องมีการคัดเลือกทั้งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เมื่อผสมแล้วต้องดูแลให้ความสนใจ คลอดออกมาก็ต้องเลี้ยงดูอย่างดีทั้งแม่หมาลูกหมา ทั้งที่อยู่อาศัย อาหารการกิน เป็นห่วงเป็นใยเอื้ออาทรต่อกันจนกว่าจะโต ต้องมีการถ่ายพยาธิตามระยะเวลา ทำวัคซีน และให้กินอาหารเสริม คัดตัวคัดสี ตรวจลักษณะสร้างความพร้อมในการเดินทาง เพราะ 90% ผู้ซื้อจะมาจากต่างถิ่น ทั้งทางรถยนต์ เครื่องบิน ลูกหมาต้องพร้อมที่จะเผชิญกับสภาวะในการเดินทางในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถขายหมาขายออกไปได้ภายใน 90 วัน อาจจะต้องมีต้นทุนสูงขึ้น ทั้งวัคซีน อาหาร และค่าเลี้ยงดูอื่นๆ ช่วงอายุของลูกที่เหมาะกับการซื้อขายมากที่สุดก็คือ วัย 60-90 วัน นับเป็นลูกหมาที่กำลังน่ารักและต้องการเรียนรู้ หากเลยเวลานี้อาจทำให้ลูกหมาของท่านหมดโอกาสในการจำหน่าย มีผู้ซื้อที่รู้มากบางคนมักหาโอกาสซื้อหมาในระหว่างนี้เพื่อนำไปขายต่อ ผู้ซื้อกลุ่มนี้จึงให้ราคาต่ำ ไม่น่าพอใจ เพื่อเสาะหากำไรต่อหนึ่ง และที่สำคัญอาจทำให้ลูกหมาของท่านไปตกระกำลำบากก็ได้ คนขายหมา มีคอกหมาจึงมีสิทธิ์ที่ไม่จำหน่ายให้ใครก็ได้ หากเห็นว่าถ้านำลูกหมาไปแล้วอาจไม่ปลอดภัย หรือเสี่ยงตาย แม้จะให้ราคาดีเพียงใด ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีระยะหลังมานี้มีข่าวมาเข้าหูไม่เว้นแต่ละวันว่าหมานั้นสามารถทำเป็นเมนูเด็ดได้หลายอย่าง (แถมเป็นเมนูระดับฮ่องเต้เสียด้วย) เล่นเอาคนรักหมาทั้งหนาว และคลื่นไส้ไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งมีกระแสว่าพ่อค้าเหล่านี้จะให้ราคาดีแสนดี แต่จะนำหมาไปทำยาโด๊ป หมาที่พวกนี้ชอบกิน ได้แก่ พูเดิ้ล บลูด็อก เซนต์เบอร์นาร์ด มิเนียเจอร์ พินเชอร์ สำหรับพูเดิ้ลนั้นเห็นจะเป็นอันดับหนึ่งก็ว่าได้ เพราะได้ข่าวว่าพวกนี้จะนำไปทำ "ยาหมาแดง" โดยนำมดลูกไปผสมเหล้าขาวแล้วดื่มกันสดๆ เพื่อเพิ่มพลังทางเพศการเลี้ยงหมาเป็นอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นรายได้เสริมหรือรายได้หลักต้องประกอบด้วยใจรัก มีความรู้เรื่องหมา มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ไม่เอาเปรียบคนที่ไม่รู้ ไม่หวงวิชา และสามารถทำตลาดได้ ถ้ามีครบก็เชื่อว่าธุรกิจจะไปได้ดี หากขาดสิ่งใดไปการเลี้ยงการขายก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร แถมทุนยังเข้าเนื้อ ไม่สามารถสร้างรายรับหรือทำเป็นอาชีพได้การมาซื้อหมาส่วนใหญ่ ผู้ที่ต้องการซื้อไปเลี้ยงมักจะมาเลือกหากันเป็นครอบครัว ทั้งพ่อ-แม่-ลูก ไหวพริบของผู้ขายก็สำคัญ ต้องมองให้ออกว่าใครเป็นใหญ่ ใครเป็นคนตัดสินใจ บางครอบครัวยกให้ลูก แต่บางครอบครัวต้องแม่เท่านั้นพ่อไม่เกี่ยว หากมองออกก็คงพอทราบกันว่าควรจะนำเสนอลูกหมาในลักษณะใด แต่อย่าลืมเรื่องการบริการหลังการขายซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นไม่แพ้กัน เนื่องจากผู้ซื้อหมาบางคนอาจเลี้ยงหมาไม่เป็น ผู้ขายจะต้องคอยเป็นครูก่อนในเบื้องต้น ควรให้คำปรึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหมาตัวที่ซื้อไป หรือแม้แต่เรื่องของหมาตัวอื่นๆ ที่ไม่ได้ซื้อไปจากเรา ทั้งเรื่องอาหาร เรื่องเจ็บป่วย เรื่องวัคซีน และอื่นๆ เรื่องเหล่านี้ท่านไม่เสียอะไรแต่เป็นการผูกใจหรือร้อยใจลูกค้าไว้ และเชื่อว่าการให้คำปรึกษาต่างๆ นั้นจะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีกับตัวท่านเองการเลี้ยงหมา เพื่อเป็นอาชีพเสริมนั้นต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น และความรอบรู้ ท่านที่อ่านบทความนี้แล้วน่าจะเกิดไอเดียอันนำมาซึ่งความสำเร็จได้ไม่ยาก ขอให้ท่านโชคดี สามารถเลี้ยงหมาได้ประสบผลสำเร็จ ขายหมาได้ราคาดี และมีคนรู้จักมากมาย สวัสดีครับ... แหล่งที่มาจาก มติชน
Jay 2008-5-3 15:38
อาชีพนี้ยังต้องการจรรยาบรรณของผู้เพาะขายด้วยค่ะ อย่าเพาะข้ามสายพันธุ์ เพียงเพื่อจะหาสายพันธุ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาด โดยที่ไม่มีความรู้ ความเข้าใจจริง ๆ และนอกจากนี้ ยังต้องรักษาความสะอาด และสุขภาพของสัตว์ที่เพาะขายด้วยค่ะ

15 กันยายน 2551



สุนัข สัตว์เลี้ยง (เศรษฐกิจ) เพื่อนรัก 10 อันดับ พันธุ์ฮิตยอดนิยม


จากสัตว์ใช้งานในอดีต บทบาทของ "สุนัข " ในปัจจุบันนี้ กลายเป็นสัตว์สี่เท้าที่มีคุณค่ามากกว่านั้น !!เพราะจุดประสงค์ของคนเลี้ยงสุนัขเวลานี้คือ "ความเป็นเพื่อน " ที่ต่างเชื่อว่าเจ้าตูบเหล่านี้มีมอบให้ด้วยใจจริง ไม่แสแสร้ง พร้อมมอบความจงรักภักดีต่อผู้มีพระคุณ ขณะที่บางคนเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ เบื่อก็เลิก แต่บางคนก็เลี้ยงดูจริงจัง จนกว่าจะตายกันไปข้างด้วยความนิยมที่เริ่มบูมสุดๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สุนัขเป็นต้นกำเนิดทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งวงการอาหารสุนัข โรงพยาบาลสัตว์ ศูนย์ฝึก และธุรกิจบริการสำหรับคนรักสุนัข อย่างเช่น บริการกรูมมิ่ง เสริมสวยตัดขน บริการนวดแผนโบราณ และสปาสุนัข ค่าบริการ ครั้งละ 300-500 บาท หรือแม้แต่บรรดาเครื่องประดับของแต่งกายสำหรับสุนัขที่มีราคาตั้งแต่ไม่กี่สิบบาทไปจนถึงหลักหมื่น ต่างก็สร้างผลกำไรให้แก่ผู้ประกอบการมานักต่อนัก พร้อมทั้งช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เลี้ยงมีสีสันอย่างดี โดยเฉพาะ "การซื้อขายลูกสุนัข " เห็นได้ชัดว่าในเวลาหลายปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เลี้ยงจำนวนไม่น้อยเริ่มแปรผันสู่ฟาร์มเพาะพันธุ์มืออาชีพ คาดว่ามีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นสินค้ามีชีวิตที่ตลาดต้องการ

ซื้อสุนัขที่ไหนดี ?


ปัจจุบัน สถานที่จำหน่ายลูกสุนัขมีอยู่มากมาย เช่น ตามฟาร์ม ,คอกสุนัข ,ร้านเพ็ทช็อป , สวนจตุจักร แต่จะซื้อที่ใดก็แล้วแต่ จะต้องสมบูรณ์ แข็งแรงปลอดภัย ไม่เจ็บป่วย ไม่มีโรคติดต่อแถมมาด้วย ผู้ซื้อควรพิจารณาเลือกซื้อกับฟาร์ม หรือร้านที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ และผู้ขายให้คำปรึกษา และรับผิดชอบ ให้คำแนะนำได้ เมื่อเวลาสุนัขเจ็บป่วยหรือได้ลูกสุนัขพันธุ์แท้ตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ที่ต้องการ

10 ประการในการเลือกลูกสุนัขให้มีสุขภาพดี


1.ประการแรกที่สำคัญ คือ ตา ตาจะต้องใส ไม่มีจุดด่าง ฝ้าขาว โดยเฉพาะที่แก้วตา และสีตาของลูกสุนัข อาจมีสีตาแตกต่างกันได้บ้างตามแต่ละสายพันธุ์ของสุนัข แต่สีตาควรจะมีสีเหมือนกันทั้งสองข้าง


2.หู ควรจะมีใบหูที่สะอาดทั้งหู ทั้งใบหูและรูหุ ลูกสุนัขอาจจะมีขี้หูได้บ้าง ขี้หูจะมีสีน้ำตาล ที่สำคัญต้องไม่มีอาการ บวมแดง เป็นหนองเพราะอาจเป็นหูน้ำหนวกได้


3.จมูก จะต้องมีความชื้นและเป็นมัน ไม่แห้งผาด มีความชื้น หมายถึง น้ำ ใสๆเล็กน้อย ไม่ใช่น้ำมูก หากมีน้ำในจมูก เป็นสีเหลือง-เขียวหมายถึงสุนัขนั้นเจ็บป่วย ไม่สบาย


4.ปาก เหงือกและลิ้นมีสีชมพู สดใส ไม่ซีด ไม่มีฝ้าขาว ปากมีกลิ่นสะอาด หากเหงือกมีสีซีดขาว มักเกิดจากพยาธิ โดยเฉพาะพยาธิ ปากขอ ถ้ามีพยาธิปากขอมากๆ อาจทำให้ถึงตายได้


5.ฟัน สุนัขต้องมีฟันที่ขาวสะอาดไม่ผุกร่อน หรือ มีสีเหลือง ลูกสุนัขที่มีฟันเหลืองมัก เกิดจาก การขาดวิตามิน แร่ธาตุ ขาดสารอาหาร เนื่องจากถูกเลี้ยงมาอย่างไม่สมบูรณื ฟันเป็นส่วนที่สำคัญ สามารถรู้อายุลูกสุนัข จากฟันได้ด้วย


6.ผิวหนัง จะต้องสะอาด ไม่แห้งกร้าน ไม่เป็นด่างเป็นดวง หรือมีเม็ดตุ่ม ผื่นแดง ขนจะฟูนิ่ม เป็นมันเล็กน้อยลูกสุนัขที่มีขนเงางามยิ่งดีอย่าเลือกลูกสุนัขที่มีขนหลุดเป็นหย่อมๆ อาจเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา กลาก เกลื้อน


7.ท้องป่อง ลูกสุนัขที่มีตัวเล็ก แต่ท้องป่อง ใหญ่ผิดปรกติ มักจะมีพยาธิอยู่มาก ควรหลีกเลี่ยงที่จะซื้อ มิเช่นนั้นผู้เลี้ยงจะต้องซื้อยาถ่ายพยาธิให้สุนัข


8.อุจจาระ เป็นส่วนที่สำคัญ จะได้ดูถึงความผิดปกติของร่างกาย ระบบขับถ่าย ถ้าลูกสุนัขถ่ายเหลว หรือถ่ยออกมาเป็นมูกเลือด อาจเกิดจากพยาธิ หรือเป็นบิด ไม่ควรเลือกลูกสุนัขที่มีการถ่ายผิดปกติ


9.โครงสร้าง โดยทั่วๆไป ก็คือ หัว ลำตัว แขน ขา ดูแล้วเป็นปกติ เช่น นิ้วไม่กุดด้วนหายไป ข้อศอกไม่โค้งคองอกระดูกไม่โปนออกมาขาไม่เป๋ เลือกลูกสุนัขที่มีลักษณะปกติ


10.อุปนิสัย เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกความมีสุขภาพจิตใจและสุขภาพกายดี ลูกสุนัขที่ขี้อาย ชอบหลบมุมไม่ออกมาเป็นมิตรอาจเกิดจากความหวาดกลัว เพราะถูกเลี้ยงดูมาไม่ดี เคยโดนตีแรงๆมาก่อน หรือลูกสุนัขที่ชอบนอนเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะไม่สบาย ปกติ สุนัขที่มีสุขภาพดี จะต้องตื่นตัว เป็นมิตรกับคนและกินเก่ง

05 กันยายน 2551

น้องหมาชิสุ


ลักษณะทั่วไป

สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศธิเบต ในปี ค.ศ.1850 ชิสุหลายตัวจากธิเบต ถูกส่งเป็น เครื่องบรรณาการแก่ราชวงศ์แมนจู ชาวจีนเรียกสุนัขเหล่านี้ว่า SHIH TZU KOU แปลว่า สุนัขสิงโต เมื่อสิ้นยุคพระนางซูสีไทเฮา สุนัขพันธุ์ชิสุถูกทำลายมากมาย แต่ยังมีชิสุบางส่วน ถูกนำออกนอกประเทศจีน และกระจาย ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของโลก เช่น อังกฤษและอเมริกา ชิสุเป็น สุนัขที่มีขนาดเล็ก ขนยาว เป็นมันคล้ายแพรวไหม ชิสุถูก รับรองโดย AKC ในปี 1969


อุปนิสัย ร่าเริง กล้าหาญ รักเจ้าของ ส่วนหัว มีลักษณะ กลม กว้าง มีขนาดสมดุลย์ กับขนาด ของลำตัว หัวกะโหลก เป็นรูปโดม
หู มีขนาดใหญ่ โคนหูต่ำกว่ายอดหัวกะโหลกเล็กน้อย หูมี ขนยาว
ตา กลมโต ตามีสีดำ
ดั้งจมูก (stop) มีมุมหักชัดเจน
ปาก (muzzle) มีขนาดสั้น มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส
จมูก กว้าง สีดำ
ฟัน ขบแบบเสมอ หรือ UNDERSHOT เล็กน้อย
ลำตัว มีความยาวมากกว่า ความสูงของลำตัว เส้นหลังตรงอยู่ในแนวระดับ
คอ เชิด ดูสง่างาม
อก กว้าง และ ลึก
ขาหน้า มีขนาดสั้น ขาหน้ามีกระดูกใหญ่พอประมาณ ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ ขาหน้ามีขนยาว เท้ามีขนาดใหญ่ ่ชี้ตรงไปด้านหน้า
ขาหลัง มีขนาดสั้น ขาหลังมีกระดูกใหญ่ กล้ามเนื้อมาก มีขนยาวเท้าหลังคล้ายเท้าหน้า
หาง โคนหางค่อนข้างสูง หางพาดอยู่บนหลัง มีขนยาว
ขน-สี ขนสีสองชั้น ขนมีคุณภาพดี ขนแน่น ขนเหยียดตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยไม่หยิก บริเวณหัวมีขนย าว นิยมมัดเป็นจุก ขนมีสีอะไรก็ได้
ขนาด เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก
น้ำหนัก 9-18 ปอนด์
ส่วนสูง ประมาณ 8-11 นิ้ว
การเดิน-วิ่ง มีความสง่างาม ขณะก้าวขาเหยียดตรง คอเชิด เส้นหลังตรง หางพาดอยู่บนหลัง
ข้อบกพร่อง หัวกะโหลกแคบ ตาเล็ก ตาสีอ่อน ปากยาว จมูกสีชมพู ฟัน OVERSHOT ขน ยาว ขนบาง

29 สิงหาคม 2551

แมวพันธ์ สก็อตทิชโฟลด์








แมวพันธุ์ “สก็อตทิช โฟลด์” จัดเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศสกอตแลนด์ เป็นแมวขนาดกลาง ศีรษะกลม หูพับหรือตั้ง บางตัวหูจะพับเพียงครึ่งเดียว พับ 2 ส่วนหรือพับ 3 ส่วน จะมีทั้งขนสั้นและขนยาว ลักษณะของหัวเพศผู้จะมีลักษณะกลมโตกว่าหัวของตัวเมีย สำหรับอุปนิสัยจัดเป็นแมวที่มีความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ซน อารมณ์ดี ขี้เล่น มีความกระตือรือร้น ชอบคลอเคลีย, ขี้อ้อนและขี้ประจบเจ้าของ ที่สำคัญจัด เป็นแมวต่างประเทศอีกสายพันธุ์ ที่เลี้ยงง่าย คุณโชติกา ไชยสาร ชาวจังหวัดเชียงใหม่เริ่มต้นจากการซื้อแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ หูพับมาจากสวนจตุจักร กรุงเทพมหานครมาเลี้ยง 1 ตัวเมื่อปี พ.ศ. 2546 เลี้ยงและชอบมากจึงได้ทำการศึกษาแมวสายพันธุ์นี้อย่าง จริงจัง เริ่มซื้อพ่อ-แม่พันธุ์มาผสมพันธุ์เอง ปัจจุบันเลี้ยงจนเป็นอาชีพและมีจำหน่ายให้กับคนที่รักแมวสายพันธุ์นี้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

15 สิงหาคม 2551











แมวมาเลศ(สีสวาด)


วิลามาเลศพื้น พรรณกาย
ขนดังดอกเลาราย เรียบร้อย
โคนขนเมฆมอปลาย ปลอมเศวต
ตาดั่งน้ำค้างย้อย หยาดต้องสัตบง

แมวมาเลศ
เรียกอีกชื่อว่า แมวสีสวาด หรือ แมวดอกเลา เรียกชื่อตามถิ่นกำเนิดคือจังหวัดนครราชสีมา (โคราช) ลำตัวมีสีขี้เถ้าหรือสีสวาด บางตัวอาจมีขาวแซมกลายเป็นสีดอกเลา (สีคล้ายเมฆก่อนฝนตก) ศีรษะจะออกเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่ และแบน มีคางและกรามที่แข็งแรง หูตั้ง หูใหญ่เด่นอยู่บนศีรษะ ในตัวผู้หน้าผากจะมีรอยหยักขัดเจน เป็นแมวที่แสดงออกถึงความเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เป็นแมวขนาดกลาง ขนสั้นสีสวาท (Silver Blue) นัยน์ตาสีเขียวสดใส เป็น ประกาย ขณะที่ยังเป็นลูกแมวอยู่ตาจะเป้นสีฟ้า เมื่อโตจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อโตเต็มที่ ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้หรือสีเหลืองอำพัน ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้ามีสีอื่นปะปนไม่ถือว่าเป็นพันธุ์แท้
แมวมาเลศเป็นหนึ่งในแมวมงคลที่เชื่อกันว่าจะให้โชคลาภแก่ผู้เลี้ยง ที่ชื่อว่าแมวสีสวาดเนื่องจากมีสีเหมือนเมล็ดของไม้เถาชนิดหนึ่งชื่อว่าต้น "สวาด" เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปสีขนเป็นสีดั่งเมฆฝน เพราะนัยน์ตาสีเขียวหรือสีอำพันดั่งข้าวในนา ชาวบ้านที่มีอาชีพทำการเกษตรจึงมักใช้แมวสีสวาดนี้แห่เพื่อขอฝนยามที่ฝนแล้ง

แมว--การเลี้ยงฐานข้อมูล


นึกๆ ดูแล้ว สำนวนไทยเกี่ยวกับแมวนั้นก็มีเยอะแยะไม่ใช่เล่น ซึ่งก็น่าจะหมายความได้ว่า สัตว์สี่ขาตัวนุ่มนิ่มที่ชอบร้องเหมียวๆ กับคนไทยนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมานานแล้ว โดยเรื่องราวเกี่ยวกับแมวก็ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อยโบราณว่ามีแมวประเภทใดบ้างเป็นแมวมงคล และแมวประเภทใดบ้างเป็นแมวอัปมงคล แสดงว่าแมวกับคนไทยเรานั้นผูกพันกันมายาวนานจริงๆแมวขาวมณี หรือขาวปลอด นัยน์ตาสองสี แห่งอุทยานแมวไทยโบราณและสำหรับฉัน ผู้ซึ่งถือคติ Love me love my cat ก็เคยได้ยินมาว่าที่อุทยานแมวไทยโบราณนี้ เขามีแมวน่ารักๆ อยู่หลายตัว ที่ไม่ธรรมดาก็คือแมวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นแมวขาวมณี แมวไทยโบราณสีขาวสะอาดทั้งตัว แถมยังพิเศษตรงที่นัยน์ตาทั้งสองข้างยังมีสีแตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นก็เลยพลาดไม่ได้ที่จะมาชมแมวเหมียวเหล่านี้ให้ถึงที่ แต่ก่อนอื่นฉันขอเท้าความถึงแมวขาวมณีก่อนดีกว่าว่า แมวขาวมณีหรือที่เรียกว่าขาวปลอดนั้น เป็นแมวไทยที่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในสมุดข่อยโบราณ เพราะเพิ่งจะเป็นที่รู้จักก็กันเมื่อสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นมานี้เอง แต่ก็ถือว่าเป็นแมวไทยโบราณหนึ่งในห้าพันธุ์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แก่ แมววิเชียรมาศ แมวสีสวาด แมวศุภลักษณ์ แมวโกญจา และแมวขาวมณี เจ้าแมวขาวมณีนี้มีลักษณะเด่นก็คือจะมีขนสั้นสีขาวตลอดหัวจดหาง ไม่มีสีอื่นมาแซมเลย และหากเป็นสายพันธุ์แท้ดวงตาทั้งสองข้างก็จะมีสีที่แตกต่างกัน เช่นข้างหนึ่งเป็นสีเหลือง หรือบางตัวก็อาจเป็นสีน้ำตาล และอีกข้างหนึ่งเป็นสีฟ้าหรือสีขาว สวยงามมาก และสำหรับแมวขาวมณีนี้ ถือว่าเป็นแมวทรงเลี้ยงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดและทรงหวงมากๆ พระองค์ทรงมอบหน้าที่ให้ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสเป็นผู้ดูแลและขยายพันธุ์ หน้าที่นี้สืบทอดจนมาถึงพระธิดาของพระองค์ คือหม่อมเจ้าหญิงเริงจิตรแจรงอาภากร ก่อนที่แมวขาวมณีที่เหลืออยู่ทั้งหมด 18 ตัวจะตกมาอยู่ในความดูแลของ นำดี วิตตะ เด็กชายที่หม่อมเจ้าหญิงได้อุปการะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก และก็ได้ดูแลแมวขาวมณีเหล่านี้มาตลอด จนกลายมาเป็นผู้ก่อตั้งอุทยานแมวไทยโบราณ (นัยน์ตาสองสี) ที่ฉันได้มาชมในวันนี้ ดังนั้น แมวขาวมณีในอุทยานแมวฯ แห่งนี้จึงเป็นแมวที่สืบเชื้อสายมาจากแมวทรงเลี้ยงของรัชกาลที่ 5 คุณนำดีจึงเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี และไม่เคยขายเจ้าขาวมณีพันธุ์แท้เหล่านี้เลยสักตัว อุทยานแมวไทยโบราณริมคลองทวีวัฒนาในวันธรรมดาที่ฉันเข้าไปชมดูเงียบเชียบไร้ผู้คน แต่ก็ยังได้ยินเสียงแมวดังแง้วๆ แว่วๆ อยู่ด้านบนบ้านหลังใหญ่ใต้ถุนสูง เมื่อฉันขึ้นไปด้านบน จ่ายเงินค่าเข้าชมและช่วยค่าอาหารแมวไป 50 บาท แล้ว ฉันก็ได้พบกับบรรดาเหมียวๆ อ้วนท้วนสีขาวสะอาด นัยน์ตาสองสีที่ชื่อพันธุ์ขาวมณีเหล่านั้นอยู่ภายในห้องกว้างค่อนข้างโล่งที่มีกรงแมวขนาดไม่ใหญ่นักวางเรียงกันอยู่ 3-4 แถว และในแต่ละกรงก็มีแมวขาวมณีอยู่กรงละหนึ่งตัว นับรวมแล้วก็ได้ 14 ตัวพอดี ผู้ดูแลท่าทางใจดีเข้ามาคุยกับฉันว่า ไม่ค่อยจะได้เห็นนักท่องเที่ยวมาในวันธรรมดามากนัก ส่วนมากจะมากันวันเสาร์อาทิตย์มากกว่า จากนั้นก็เริ่มเล่ารายละเอียดที่อุทยานแมวฯ นี้ให้ฟังว่า จริงๆ แล้วที่อุทยานแมวโบราณนี้มีแมวขาวมณีอยู่ทั้งหมด 44 ตัว แต่เอามาจัดแสดงไว้เพียง 14 ตัว โดยในแต่ละวันก็จะสลับกันออกมาโชว์ตัว ตัวไหนโชว์อยู่นานแล้วก็จะเข้าห้องไปพัก ปล่อยให้เพื่อนแมวตัวอื่นๆ ได้ออกมารับแขกบ้าง
ในตอนแรกฉันเองก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้อุ้มหรือเล่นกับเจ้าแมวพวกนี้อย่างเต็มที่ เพราะมีกรงกั้นระหว่างฉันกับแมว แต่เมื่อฟังที่พี่คนดูแลแมวบอกว่า เมื่อก่อนนี้ ก่อนที่อุทยานแมวโบราณจะย้ายมาตั้งอยู่ในบริเวณปัจจุบันนั้น ก็ยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวได้อุ้มได้กอด แต่ปรากฏว่า แมวเหล่านั้นเฉามือคน แถมบางตัวยังติดโรคจากคนโดยการเลียหรือสัมผัสจนตายไปหลายตัว ในปัจจุบันก็เลยทำกรงไว้ให้แมวแต่ละตัวได้อยู่กัน ดังนั้นแม้จะเสียดาย แต่คิดอีกทีทำแบบนี้ก็น่าจะเป็นการดีกว่า เพราะลองคิดดูสิว่า หากวันไหนนักท่องเที่ยวมากันเยอะๆ แมวที่โดนอุ้มโดนกอดโดยคนไม่รู้จักไม่คุ้นเคยแถมโดนอุ้มเป็นสิบๆ ครั้งก็น่าจะเหนื่อยไปเหมือนกัน แถมเสียสุขภาพจิตอีกต่างหาก
บรรยากาศภายในอุทยานแมวไทยโบราณ กรงแมวที่ฉันเห็นนี้แม้จะไม่เล็กมากขนาดที่ทำให้แมวอึดอัด แต่ก็ไม่ได้กว้างขวางขนาดที่จะสามารถวิ่งเล่นได้สบายๆ ด้วยความเป็นห่วงกลัวแมวจะไม่ได้ออกกำลังกาย ฉันจึงถามพี่ผู้ดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งก็หมดกังวลได้ เพราะพี่เขาบอกว่า หลังจากที่อุทยานแมวฯ ปิดให้บริการในแต่ละวันแล้ว ประมาณห้าโมงเย็น แมวเหล่านี้ก็จะได้ไปวิ่งเล่นในสนามหลังบ้าน วิ่งไล่กันหรือปีนป่ายต้นไม้ไปตามเรื่อง แมวที่นี่จึงมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ พี่คนดูแลแมวยังบอกกับฉันอีกว่า ด้วยความที่แมวเหมียวขาวมณีเหล่านี้เป็นแมวที่สืบเชื้อสายมาจากแมวของรัชกาลที่ 5 คุณนำดี ผู้เป็นเจ้าของจึงตั้งชื่อว่า "เจ้า" นำหน้าทุกตัว ทั้งเจ้าฟ้าเงินฟ้าทอง เจ้าเปรียว และอีกมากมายหลายเจ้า อย่างที่ฉันบอกไปแล้วว่าบรรพบุรุษของแมวเหล่านี้เคยเป็นแมวของพระมหากษัตริย์ และไม่มีการขายแมวขาวมณีสายพันธุ์แท้ คุณนำดีผู้ก่อตั้งอุทยานแมวฯ จึงถวายแมวเหล่านี้ให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ก็โปรดให้แมวเหล่านี้อยู่ที่อุทยานแมวฯ เพื่อให้ประชาชนได้ชมกันต่อไป ฉันเดินเล่นทักทายเจ้าเหมียวขาวมณีจนครบทุกตัว บางตัวเอาแต่นอนหลับอุตุไม่สนใจฉันเลย แถมบางตัวไม่อยากเห็นหน้าผู้คนก็เลยเอาหัวมุดใต้ที่นอนซะอย่างนั้น แต่แมวตัวอื่นๆ นั้นขี้เล่นและขี้อ้อนน่าดู แม้จะเล่นกันผ่านกรงก็เถอะ ฉันเห็นแล้วก็อยากจับมากอดแรงๆ สักที นอกจากจะได้มารู้จักกับแมวขาวมณีและได้มาชมแมวเหมียวที่แสนจะน่ารักแล้ว การที่ได้มาเยี่ยมชมอุทยานแมวฯ ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่า น่าดีใจที่แมวพันธุ์ไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของเรายังมีผู้ที่ตั้งใจอนุรักษ์ไว้ เพราะฉะนั้นฉันขอเชิญชวนบรรดาคนรักแมวทั้งหลายให้แวะมาเยี่ยมเยียนเหมียวๆ เหล่านี้กันบ้าง รับรองว่าต้องหลงเสน่ห์แมวขาวมณีแน่นอน